ยืนยันได้เลยว่ารายละเอียดต่างๆ ของมหานคร L.A. ที่เห็นอยู่ใน Midnight Club: Los Angeles นั้นสามารถค้นเจอของจริงได้ใน Google Maps ชนิดที่เรียกว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเลยทีเดียว แต่ในทางเทคนิคแล้วสิ่งที่น่าประทับใจมากๆ ของ Midnight Club ภาคล่าสุดนี้อยู่ที่การทำให้โลกอันกว้างใหญ่นี้กลายเป็นศูนย์รวมการแข่งรถได้ดีแค่ไหนกัน ในโหมด GPS ที่เพิ่งมีให้ใช้ ตัวเกมจะซูมออกจากตำแหน่งที่คุณอยู่ ณ ปัจจุบันมาเป็นตัวเมืองในแบบมุมมองด้านบน ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ามีการแข่งขันอยู่ตรงไหน มีระดับความยากง่ายอย่างไรกันบ้าง และจะซูมกลับลงมาอีกครั้งเมื่อคุณพร้อมจะซิ่งไปบนถนนสายต่างๆ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ไอเดียใหม่ แต่มันน่าสนใจตรงที่มีมาให้เล่นนี่แหละ

จริงๆ แล้วแทบจะพูดเหมือนเดิมกับส่วนที่เหลือของ MC: LA ได้เลย คอนเซ็ปต์ต่างๆ ก็ไม่ได้ดึงมาจากภาคก่อนๆ เลย แถมพวกมันยังทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีกันทั้งนั้นด้วย ระบบสร้างชื่อเสียง (Reputation System) ก็น่าสนใจ เขี่ยระบบพัฒนาใบขับขี่แบบเดิมๆ ชิดซ้ายตกคลองไป แล้วนำเสนอการให้อารมณ์ร่วมที่คล้ายๆ กับการเล่นเกมอาร์พีจีเข้ามาแทน คือคุณจะได้ค่าประสบการณ์จากประเภทของการแข่ง ระดับความยากง่าย และจุดที่คุณเข้าเส้นชัย มาคราวนี้ทั้งน่าติดตาม ทั้งชวนให้นึกถึงการไต่เต้าแบบเดิมๆ แถมพ่วงอาร์พีจีด้วยอีกต่างหาก

แต่ข้อเสียหลักของเกมนี้อยู่ที่ระดับความยากง่าย หลังจากใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเก็บเลเวล ซื้อรถคันใหม่ๆ แต่งองค์ทรงเครื่องให้มัน ภารกิจหลักๆ ทั้งหลายเรื่อยมาถึงองค์ประกอบของเรื่องราวต่างๆ (แม้ว่าจะมีแนะนำไว้ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม) ก็ยังคงความยากไว้อยู่ คู่ต่อสู้ที่เป็น A.I. ก็ไม่ค่อยทำพลาดในการแข่งเลย... ถึงพยายามไล่บี้ไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะรถคันที่คอมพิวเตอร์บังคับดูเหมือนจะทนกับการกระแทกกระทั้นได้อึดเหลือเกิน

ยังดีที่ตัวเกมมีการแข่งหลากหลาย (ซิ่งแข่งกันบนทางด่วนชวนให้นึกถึงความมันส์หนหลังครั้งเล่น Tokyo Xtreme Racer ของเครื่อง Dreamcast) ให้คุณรู้สึกท้าทายโดยไม่ชวนให้หงุดหงิดแต่อย่างใด มีตัวเลือกสนุกๆ เมื่อเล่นกันหลายคน ตั้งแต่ซิ่งแข่งกันปกติไปถึงแข่งยึดธงกันเลยทีเดียว ผู้เล่นยังสามารถสร้างสรรค์การแข่งต่างๆ ขึ้นเองได้ จนชวนให้อยากลุยในแบบเล่นคนเดียวจนจบ อีกทั้งยังได้โชว์รถเท่ๆ ของคุณเองต่อสายตาชาวโลกอีกด้วย